Gift For Santa (ของขวัญแด่ซานต้า) - Gift For Santa (ของขวัญแด่ซานต้า) นิยาย Gift For Santa (ของขวัญแด่ซานต้า) : Dek-D.com - Writer

    Gift For Santa (ของขวัญแด่ซานต้า)

    นิยายสั้นฉลองคริสมาสต์ครับ ขอให้ผู้อ่านและผู้ที่ยังไม่ได้อ่าน จงมีความสุขมากๆครับ(^o^)/

    ผู้เข้าชมรวม

    1,397

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.39K

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ธ.ค. 47 / 22:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Gift For Santa


              ท่านเชื่อเรื่องซานต้าครอสหรือไม่?

          แน่นอนว่าซานต้าครอสในที่นี้ คือชายแก่ร่างอ้วนผู้มีหนวดเคราสีขาวสวยงามดุจหิมะ สวมอาภรณ์สีแดงออกตระเวนแจกของขวัญแก่เหล่าเด็กดีทั่วโลกด้วยรถลากและกวางเรนเดียร์ ว่ากันว่าตำนานบทนี้ ถือกำเนิดขึ้นจากเมตตาจิตของบาทหลวงผู้หนึ่ง ซึ่งมอบของขวัญให้แก่เหล่าเด็กๆและให้ความช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ยากในยุคสมัยแห่งความลำเข็ญเมื่อหลายร้อยปีก่อน กาลเวลาได้ดัดแปลงเสริมแต่งเรื่องราวของท่าน จนกลายเป็นตำนานซานต้าครอสอย่างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นในวันที่25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซูเจ้าผู้เป็นตัวแทนแห่งความรักและเมตตาต่อมวลมนุษย์ ผู้คนจึงพากันเฉลิมฉลองไปพร้อมกับการรำลึกถึงตำนานบทนี้...

              แต่หากความจริงแล้วตำนานของซานต้าครอสไม่ได้มีที่มาเช่นนั้น ทุกท่านจะคิดเช่นไร?

          เรื่องราวที่ข้าพเจ้ากำลังจะบอกเล่าแก่ทุกท่านต่อจากนี้ มิอาจชี้ชัดถึงยุคสมัยและสถานที่ใดๆได้ มันอาจเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน  หรืออาจจะปรากฏขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ประเด็นสำคัญของมันหาได้ยึดติดกับเรื่องพวกนั้นไม่ ความหมายของวาจานี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกท่านจะเข้าใจได้เองหลังจากรับฟังจนจบแล้ว ณ บัดนี้ข้าพเจ้าขอนำพาทุกท่าน ไปยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งมีหิมะโปรยปรายหนาวเย็นตลอดปี แต่หัวใจของผู้คนในหมู่บ้านนี้ กลับอบอุ่นยากยิ่งหาใดเปรียบ...

              \"ปีนี้หิมะก็ตกเยอะอีกแล้วนะคะ\"

          เด็กสาวผู้หนึ่งกล่าวกับหญิงชราที่นั่งเก้าอี้โยกบนระเบียงหน้าบ้านด้วยความร่าเริง ก่อนจะกอบโกยหิมะปั้นเป็นตุ๊กตาบิดๆเบี้ยวๆ  ท่ามกลางปุยหิมะขาวผ่องที่ล่องลอยลงมาอย่างเชื่องช้าแผ่วเบาราวกับขนนกสีขาว  แมวขนฟูตัวเล็กๆที่นั่งอยู่บนตักของหญิงชราก็ซุกตัวเข้าหาเธออย่างแนบแน่นเพื่อรับความอบอุ่น
              
              \"ระวังจะเป็นหวัดนะอีฟ เข้ามาใส่ถุงมือกับหมวกก่อนสิ\"

          หญิงชรากล่าว ก่อนจะลุกขึ้นขยับแว่นตาที่หย่อนลงแล้วอุ้มแมวเข้าไปไว้ในบ้าน พร้อมกับหยิบถุงมือและหมวกคลุมกันหนาวออกมาให้เด็กผู้หญิงที่ชื่ออีฟ  

              \"ขอบคุณค่ะ ป้าเรย์\"

          อีฟบอก ก่อนจะรับถุงมือคู่นั้นและหมวกมาสวมใส่ แล้วเดินเปะปะกลับไปเล่นหิมะเหมือนเดิม

              \"ทำไมเราถึงชอบเล่นหิมะจังเลย อากาศหนาวๆแบบนี้เด็กคนไหนเขาก็หลบอยู่ในบ้านกันทั้งนั้นแหละ\"

              \"ก็มันเย็นดีนี่คะป้าเรย์ ถึงจะมองไม่เห็น แต่ถ้าลองจับดูแบบนี้ ก็สามารถสัมผัสความละเอียดอ่อนของเกล็ดหิมะได้ หนูชอบความรู้สึกแบบนี้มากที่สุดเลยค่ะ\"

          อีฟพูดพร้อมกับยิ้ม หากไม่มีใครได้ยินคำพูดนี้ คงแทบไม่เชื่อว่าดวงตาสีฟ้าใสของเธอจะสูญเสียการมองเห็นไปนับตั้งแต่เกิด ทว่า อีฟเองดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลยสักนิด เนื่องเพราะเธอเชื่อมาตลอดโดยไม่มีใครพร่ำสอนว่า เรื่องราวทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีเหตุผลที่คู่ควรกับมันเองอยู่ แม้แต่เรื่องดวงตาของเธอเองก็ตามที

              \"ใจคอจะต้อนรับพวกฉันด้วยตุ๊กตาหิมะแทนช็อกโกแลตอุ่นๆเหรออีฟ\"

          อีฟหันควับไปตามเสียง พร้อมกับยิ้มแย้มด้วยความดีใจ เพราะเธอจำเสียงพูดแซวติดตลกสไตล์ยียวนแบบนี้ได้ดี เขาชื่อวินด์เป็นเด็กผู้ชายที่ซุกซนที่สุดในหมู่บ้าน มีนิสัยหลุกหลิกไม่อยู่นิ่งเสมือนสายลมตามชื่อของเขา วินด์ไม่ได้มาหาอีฟเพียงคนเดียว แต่ยังพาเพื่อนๆอีก3คนมาด้วย

              \"อย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของวินด์เลยอีฟ คนตะกละแบบนี้ปล่อยให้กินหิมะนั่นแหละดีแล้ว\"

          เด็กผู้หญิงถักเปียยาวกล่าวพลางหัวเราะ เธอชื่อคาเรนเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของอีฟ ว่ากันว่าในหมู่เพื่อนทั้ง4คนนี้หากไม่มีใครเอ่ยปากออกเสียง เพียงแค่ยืนอยู่ใกล้ๆอีฟก็จะรู้ทันทีว่าเธอคือคาเรน เนื่องเพราะเธอมีผมที่สวยและหอมที่สุดในหมู่บ้าน

              \"ใช่ พวกเราตั้งใจเอาของขวัญวันเกิดมาให้อีฟต่างหาก คนที่เห็นแก่กินแบบนั้นมีแค่วินด์คนเดียวแหละ\"

              \"อ้าวๆ ไหงพูดอย่างงั้นล่ะคริสต์ นายเป็นพวกคาเรนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!\"

          วินด์โวยวาย เด็กผู้หญิงผมสีดำอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆคาเรน เดินเข้ามาตบบ่าวินด์เบาๆแล้วพูดว่า

              \"เอาน่าๆ นายเองก็เอาของขวัญมาให้อีฟเหมือนกันนี่ ไม่ต้องหาเรื่องพูดแก้เขินแบบนั้นก็ได้\"

          เธอบอก ก่อนจะโอบไหล่อีฟพาเธอเดินเข้าบ้านโดยมีทุกคนเดิมตามไป ถูกแล้ว วันนี้คือวันที่24 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของอีฟ ซึ่งปีนี้เธอมีอายุครบ7ขวบแล้ว  วินด์, คาเรน, คริสต์, และเอล เด็กผู้หญิงผมดำซึ่งถือว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน แม้จะมีอายุมากกว่าแค่1ปีก็เถอะ ได้ชักชวนทุกคนมาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับอีฟเหมือนเช่นทุกปี  

              \"นี่จ๊ะ โกโก้ร้อนๆ\"

          ป้าเรย์บอก พร้อมยกถาดใส่ถ้วยโกโก้ร้อนมาให้ทุกคน วินด์รีบคว้าไปดื่มก่อนเป็นคนแรกอย่างรีบร้อนราวกับกลัวว่าใครจะแย่ง จนถูกมันลวกปากเอา ทำให้พวกเราหัวเราะในความเซ่อซ่าของเขายกเว้นอีฟ อีฟรู้ว่าวินด์ชอบแกล้งทำอะไรแผลงๆแบบนี้เพื่อให้ทุกคนสนุก เธอจึงไม่ได้หัวเราะเยาะเขา เพียงแค่อมยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น  

          
          หลังจากมอบของขวัญให้อีฟแล้ว เอลก็พาทุกคนเล่นเกมซ่อนหากันโดยมีกติกาว่าจะต้องซ่อนอยู่ในห้องรับแขกภายในบ้านเท่านั้นและต้องปิดไฟด้วยเพื่อไม่ให้อีฟเสียเปรียบ ซึ่งหลังจากจับสลากกัน ปรากฏว่าอีฟได้เป็นคนหาคนแรก พวกเขาจึงปิดไฟในห้องและหาที่หลบตามจุดที่ตนคิดว่าหลบได้ดีที่สุด ทว่า อีฟก็หาพวกเขาเจอหมดอย่างง่ายดาย เนื่องเพราะแมวขนฟูสีขาวของป้าเรย์ ที่ชื่อจิงเกิ้ลช่วยส่งเสียงบอกตำแหน่งที่เพื่อนๆทั้ง4ของอีฟหลบซ่อนได้แม่นยำยิ่งกว่าสุนัขตำรวจ

              \"ฉันสงสัยมานานแล้วนะอีฟ เจ้าจิงเกิ้ลนี่มันเป็นแมวจริงๆหรือเปล่า ทำไมตามกลิ่นและนำทางได้ดีกว่าสุนัขเสียอีก!\"

          วินด์บ่นอุบ หลังจากถูกเจอตัวเป็นคนแรก และต้องได้เป็นคนหาซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆจนค่ำ เพราะเขาไม่สามารถหาใครเจอก่อนที่เวลาจะหมดลงได้เลย กระทั่งเด็กๆเลิกเล่นกัน เมื่อได้เวลาเป่าเค้กอวยพรวันเกิดอีฟแล้ว

              \"เค้กอันนี้ฉันกับแม่ช่วยกันทำเป็นพิเศษเลยนะ รับรองว่าอร่อยกว่าปีก่อนๆแน่\"

          คริสต์บอก บ้านของคริสต์เป็นร้านขายเค้กที่ขึ้นชื่อของเมือง รสชาติของเค้กจึงอร่อยสมกับที่เขากล่าวจริงๆ อีฟกินเค้กอย่างหงอยๆเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งคาเรนสังเกตเห็นเป็นคนแรก เธอจึงถามว่า

              \"มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าอีฟ?\"

              \"ไม่มีอะไรหรอกคาเรน ฉันแค่สงสัยว่าตอนนี้คุณซานต้าครอสคงจะกำลังวุ่นวายกับการเตรียมของขวัญไว้ให้เด็กๆแน่เลย\"

              \"ซานต้าครอส? เรื่องอย่างนั้นน่ะ มัน อ๊อก!..\"

          วินด์กำลังจะพูดว่าเป็นแค่เรื่องหลอกเด็กเท่านั้น จึงโดนเอลเอาศอกกระทุ้งสีข้างเข้าเต็มรัก อีฟได้ยินเสียงแปลกๆเลยถามวินด์ว่าเป็นอะไร

              \"ไม่มีอะไรหรอกอีฟ วินด์แค่กินเค้กติดคอน่ะ\"

          เอลตอบแทน  ก่อนจะถลึงตาเป็นเชิงสั่งวินด์ไม่ให้พูดมาก  อีฟเชื่อมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าซานต้าครอสนั้นมีอยู่จริง การจะทำลายความฝันของคนอื่นตามอำเภอใจ ไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน

              \"นี่ๆทุกคนมีของขวัญอะไรที่อยากได้จากซานต้าครอสบ้างไหมล่ะ?\"

          อีฟถาม คริสต์ตอบก่อนเป็นคนแรกว่า

              \"ฉันอยากได้ไม้เบสบอลอันใหม่แทนอันเก่าที่หักไปน่ะ ฉันเคยเห็นในร้านของลุงแฟรงเฟิร์ตมีไม้เบสบอลที่ทำจากต้นวอลนัตอย่างดีเก็บไว้ไม้หนึ่ง ถ้าได้ไม้ตีเบสบอลแบบนั้นเป็นของขวัญจริงๆละก็ คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ\"

              \"ฉันอยากได้รองเท้าเต้นรำมากกว่า คู่เดิมที่ใช้อยู่สีมันถลอกหมดแล้วล่ะ ถ้าพรุ่งนี้พ่อกับแม่..เอ๊ย! ซานต้าครอส เอามาให้ก็คงจะดีนะ\"

          คาเรนกล่าว เอลนั่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ วินด์จึงชิงบอกก่อนว่า

              \"จุ๊ย์ๆ พวกเธอนี่อยากได้แต่ของแบบเด็กๆ อย่างนี้มันจะไปเจ๋งอะไร ถ้าซานต้าครอสจะให้ของขวัญฉันจริงๆแล้วละก็ ฉันขอเครื่องบิน ไว้นั่งขี่ไปรอบโลกดีกว่า\"

          วินด์กล่าว คริสต์กลั้นหัวเราะไม่อยู่ถามวินด์ว่า ถ้านายมีของแบบนั้นจริง นายจะใช้เป็นเหรอ? วินด์ไม่ทันจะเถียงคริสต์  เอลก็พูดว่า

              \"ฉันไม่อยากได้อะไรเลิศหรูแบบนั้นหรอก แค่ได้ตุ๊กตาผ้ารูปแมวตัวเล็กๆก็พอแล้วล่ะ\"

          เอลบอก วินด์ คาเรน คริสต์กำลังจะถามว่าทำไมเอลถึงอยากได้ของแบบนั้น เอลก็เอานิ้วมือแตะปากส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบไว้ก่อน จวบจนดึกมากแล้ว  เพื่อนๆทั้ง4ของอีฟก็ขอตัวกลับบ้านก่อน อีฟช่วยป้าเรย์เก็บกวาดอาหารก่อนจะเข้านอนพร้อมกับแมวน้อยจิงเกิ้ล...

          กลางดึกของคืนนั้นยามเที่ยงคืน หลังจากป้าเรย์เข้านอนแล้ว หนูน้อยอีฟได้แอบเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนอนเป็นเสื้อกันหนาวแล้วแอบย่องออกจากบ้านพร้อมกับจิงเกิ้ลโดยไม่ให้ป้าเรย์รู้ตัว  ด้วยความสามารถในการจดจำเส้นทางและความช่วยเหลือของจิ้งเกิ้ล อีฟเดินย่ำไปตามท้องถนนในราตรีที่หนาวเหน็บนี้โดยไม่ถูกใครพบเห็น เป็นระยะทางไกลเกินกว่าใครจะคาดคิดว่าเด็กผู้หญิงตาบอดอย่างเธอจะไปได้  จนมาถึงบ้านร้างหลังหนึ่ง ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านเชื่อว่ามีผีสิงจึงไม่มีใครกล้าผ่านมาแถวนี้ ยกเว้นอีฟ เนื่องเพราะเธอไม่เคยนึกกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่เห็นแม้แต่ครั้งเดียว  

              \"มาอีกแล้วเหรอแม่หนู? เชื่อฉันเถอะว่าเธอทำไม่ทันหรอก\"

          ชายชราสกปรกมอมแมมที่นั่งอยู่ใกล้เตาผิงในบ้านร้างกล่าวกับอีฟ ก่อนจะโยนท่อนไม้เข้าไปในกองเพลิงเพื่อเพิ่มความร้อน อีฟล้วงเอาเศษผ้าที่หยิบมาจากตู้เสื้อผ้าเก่าๆ มาวางไว้บนโต๊ะที่มีฝุ่นจับเกาะ แล้วเริ่มลงมือตัดเย็บเศษผ้าเหล่านั้น อย่างชำนิชำนาญยิ่งกว่าคนที่มีสายตาปกติเสียอีก?

          หากจะท้าวความถึงสาเหตุที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ต้องแอบมาทำอะไรลึกลับในที่เช่นนี้ คงต้องขออนุญาตย้อนเวลากลับไปหลายปีก่อนหน้านี้...

          ในวันที่หิมะตกหนักเช่นนี้เมื่อ7ปีก่อน ชาวหมู่บ้านสโนว์บริด(Snow Bridge) ได้มีสมาชิกหมู่บ้านตัวน้อยๆคนใหม่เพิ่มขึ้นโดยไม่มีผู้ใดรู้ตัว เรย์ ริเวอร์ หญิงชราวัย56ปีเป็นคนแรกที่ทราบถึงเรื่องนี้หลังจากเปิดประตูออกมาดูหิมะในยามดึก แล้วพบว่าหน้าบ้านของตัวเองมีตะกร้าไม้ใบใหญ่ที่ใส่เด็กทารกเพศหญิงเอาไว้   หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับผู้อื่น คงจะต้องมีความแตกตื่นตกใจเป็นแน่ ทว่า ป้าเรย์กลับอุ้มเด็กน้อยคนนั้นเข้ามาในบ้าน แล้วดูแลแกเสมือนเป็นลูกหลานของตัวเองโดยไม่สนใจประวัติความเป็นมาของเธอเลยสักนิด  เพราะสำหรับหญิงชราที่สูญเสียญาติพี่น้องและครอบครัวไปกับกาลเวลาอย่างป้าเรย์แล้ว การปรากฏตัวของอีฟไม่ผิดอะไรไปจากของขวัญที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้แก่เธอ

              นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาอีฟก็เติบโตขึ้นในหมู่บ้านสโนว์บริดในฐานะหลานสาวของป้าเรย์ ซึ่งชื่อของเธอก็ถูกตั้งตามวันคริสมาสต์อีฟนั่นเอง

          แม้จะมีความสุขกับการได้เลี้ยงดูอีฟ แต่ป้าเรย์ก็ยังเป็นห่วงถึงอนาคตของอีฟอยู่ว่าหากว่าวันหนึ่งเธออยากรู้ว่าครอบครัวที่แท้จริงของตัวเองอยู่ที่ไหน ป้าเรย์จึงได้สอบถามกับคนในหมู่บ้านแทบทุกคนว่าพอจะรู้เบาะแสถึงพ่อแม่ของอีฟหรือไม่ แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็นเลยว่าคนที่นำอีฟมาวางไว้หน้าบ้านป้าเรย์เป็นใครกันแน่?  ป้าเรย์จึงบอกอีฟแค่เพียงว่าแม่ของเธอได้ย้ายไปอยู่ในที่ๆห่างไกล และสักวันจะกลับมารับเธออย่างแน่นอนเพื่อไม่ให้อีฟมีปมด้อยในใจ โดยไม่รู้เลยว่าอีฟเองก็มีความสุขดีอยู่แล้วที่ได้อยู่กับป้าเรย์และทุกคนในหมู่บ้าน จึงไม่สนใจหรอกว่าพ่อแม่ของเธอจะอยู่ที่ไหน

              นี่ก็เป็นความลับหนึ่งที่อีฟไม่ได้บอกใครเหมือนเช่นความลับที่เธอแอบมายังบ้านร้างหลังนี้

          เมื่อ2เดือนก่อน หลังจากอีฟได้ไปซื้อผลไม้และขนมปังกับจิงเกิ้ลแล้ว ขณะกลับบ้านเมื่อเช่นทุกวัน จิงเกิ้ลได้นำเธอเดินออกนอกเส้นทางปกติ เนื่องเพราะมันได้กลิ่นปลาย่างที่หอมหวลจากบ้านร้างที่เด็กๆในหมู่บ้านเชื่อว่ามีผีสิง อีฟจึงได้พลัดหลงมายังที่นี้เป็นครั้งแรกและได้เจอกับชายแก่ผู้หนึ่งกำลังนั่งย่างปลาโดยบังเอิญ

              \"เธอเป็นใครกัน?\"

              \"หนูชื่ออีฟค่ะ แล้วคุณละคะ?\"

              \"....ฉันไม่มีชื่อหรอก\"

          นี่เป็นการแนะนำตัวครั้งแรกของอีฟกับชายแก่ที่ต่อมาอีฟเรียกเขาว่าคุณลุงเปาโล ซึ่งเป็นชื่อของนักบุญผู้หนึ่งที่ป้าเรย์เคยเล่าให้ฟัง ถ้าหากเป็นเด็กคนอื่นได้มาเจอชายแก่หน้าตาน่ากลัวหนวดเคราสีดำเฟิ้ม แถมยังใส่ชุดผ้าฝ้ายสีขะมุกขะมัวในบ้างร้างยามเย็นแบบนี้ คงต้องนึกว่าตัวเองเจอผีแล้ววิ่งหนีป่าราบแน่ๆ แต่อีฟนั้นมองไม่เห็น เธอจึงพูดคุยกับเขาอย่างสนิมสนมจนเปาโลประหลาดใจ อีฟรู้จักกับทุกคนในหมู่บ้านเป็นอย่างดีแต่ไม่เคยพบเจอเปาโลมาก่อนเลย จึงรู้สึกสนใจเปาโลเป็นอย่างมาก และได้คุยกับเขาหลายๆเรื่องจนมาถึงเรื่องของวันคริสมาสต์

              \"อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันคริสมาสต์แล้ว ลุงเปาโลว่าคุณซานต้าครอสจะทำงานอยู่ไหมค่ะ\"

              \"หึ.. ซานต้าครอสน่ะไม่ได้ให้ของขวัญใครในวันคริสมาสต์หรอก\"

          เปาโลกล่าว แล้วจึงเล่าเรื่องที่พ่อแม่ซื้อของขวัญให้กับลูกๆของตัวเองในวันคริสมาสต์ให้อีฟฟัง สำหรับเด็ก6ขวบที่เชื่อมาตลอดว่าซานต้าครอสมีอยู่จริงอย่างอีฟ การที่จู่ๆได้มายินความจริงแบบนี้ก็คงอดตกใจและสับสนไม่ได้เช่นกัน  ในครั้งแรกอีฟไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ลุงเปาโลพูดเป็นความจริง จนกระทั่งบังเอิญได้ยินผู้ใหญ่บางคนพูดคุยกันถึงของขวัญที่จะซื้อให้ลูกหลานของตนกัน อีฟจึงเชื่อแล้วว่าซานต้าครอสไม่ได้ให้ของขวัญจริงๆ

              แต่เธอก็ยังเชื่อว่าซานต้าครอสมีจริงอยู่ดี!

          อีฟคิดว่าบางทีซานต้าครอส อาจกำลังลำบากในการเตรียมของขวัญให้กับเด็กๆทั่วโลกจึงลืมหมู่บ้านนี้ไปก็เป็นได้ ดังนั้นในความคิดของเด็กๆตัวเล็กผู้นี้ แทนที่จะรอของขวัญวันคริสมาสต์เหมือนเด็กอื่นๆ เธอจึงเริ่มแวะสอบถามของขวัญที่เด็กๆในหมู่บ้านอยากได้กัน เพื่อที่เธอจะได้จัดเตรียมมอบให้แทน เป็นการช่วยเหลือซานต้าครอส!  ส่วนหนึ่งที่อีฟมีความคิดแบบนี้ก็เพราะตั้งแต่จำความได้ เธอมักจะรู้สึกเสมอว่าเธอเป็น\"ผู้รับ\"ความสุขจากคนอื่นๆ โดยไม่เคยให้อะไรตอบแทนแก่พวกเขาเลย   อีฟจึงตั้งใจเอาไว้ว่าสักวัน เธอจะต้องให้อะไรบางอย่างแก่ทุกคนที่เอื้ออารีต่อเธอบ้าง ทว่า ของขวัญบางอย่างที่เด็กๆอยากได้มีมูลค่ามากกว่าที่อีฟจะหาซื้อมาได้  อีฟจึงอาศัยทักษะในการตัดเย็บผ้าที่หัดมาตั้งแต่เด็ก สร้างตุ๊กตาเป็นสิ่งของต่างๆ ที่เด็กๆในหมู่บ้านอยากได้กัน เพื่อมอบให้เป็นของขวัญในวันคริสมาสต์แทนซานต้าครอส

              อีฟเชื่อว่าแม้มันจะไม่ใช่ของจริง แต่ก็คงจะทำให้ผู้รับมีความสุขได้เช่นกัน..

          หลังจากวันนั้นมาเธอจึงแอบเอาเศษผ้าจากชุดเก่าๆ และม้วนผ้าใหม่ๆที่อีฟซื้อด้วยเงินเก็บของเธอเอง มาตัดเย็บสร้างตุ๊กตาที่บ้านร้างหลังนี้ เพื่อไม่ให้ป้าเรย์รู้และเป็นห่วง โดยมีคุณลุงเปาโลเฝ้าดูเสมอ

              \"ทำไมเธอต้องมาลำบากแบบนี้ด้วยล่ะอีฟ การได้รับก็เป็นความสุขอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?\"

              \"ค่ะ การได้รับของขวัญจากผู้อื่นเป็นความสุขจริงๆ แต่หนูก็อยากรู้นะคะ ว่าการให้ของขวัญผู้อื่นบ้างจะเป็นความสุขแบบไหนกัน\"

          อีฟกล่าว คำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงเปาโลเงียบไปพักใหญ่ แม้จะมองไม่เห็นแต่ด้วยพรสวรรค์ด้านการตัดเย็บที่เหลือเชื่อของอีฟ ในเวลาไม่นานนัก ตุ๊กตารูปไม้เบสบอล,รูปรองเท้าเต้นรำ,เครื่องบิน,แมวน้อย ก็เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งส่วนหนึ่งอีฟต้องขอบใจลุงเปาโลที่ช่วยอธิบายถึงสภาพหน้าตาของสิ่งที่เธอไม่เคยเห็น เพื่อให้ทำออกมาได้ใกล้เคียงมากที่สุด

              \"เย้! เสร็จหมดค่ะ พรุ่งนี้ทุกคนต้องแปลกใจแน่ๆที่จะมีของขวัญไปวางไว้หน้าบ้าน\"

          อีฟบอกด้วยความดีใจ อากาศที่เริ่มอุ่นขึ้นทำให้เธอรู้ตัวว่าใกล้จะสว่างแล้ว อีฟจึงขอตัวกลับไปก่อน โดยฝากตุ๊กตาทั้งหมดนับร้อยตัวไว้ให้คุณลุงเปาโล ซึ่งคืนพรุ่งนี้เธอจะกลับมาเอาไปแอบวางไว้ตามบ้านหลังต่างๆ แทนการให้ของขวัญจากซานต้าครอส

              \"ถึงยังไงเด็กอย่างหนูก็เอาของขวัญไปแจกให้ทุกคนในหมู่บ้านไม่ทันภายในวันเดียวหรอก\"

          เปาโลบอก ทั้งยังยืนยันอีกว่าซานต้าครอสนะ ไม่มีตัวตนอยู่อีกแล้ว    อีฟจึงยิ้มแล้วบอกให้คุณลุงเปาโลเชื่อเถอะว่า ซานต้าครอสน่ะมีอยู่จริงๆและคงเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลกด้วย

              \"ทำไมซานต้าครอสจึงมีความสุขล่ะ?\"

              \"เพราะนี่ไงค่ะ\"
              
          อีฟกล่าว พร้อมกับยื่นมือน้อยๆไปคลำมือของเปาโลแล้วดึงขึ้นมาเอากล่องของขวัญให้เขา

              \"ของขวัญวันคริสมาสต์ค่ะ หนูแอบทำที่บ้านเพื่อให้ลุงเปาโลเป็นคนแรก  ตอนนี้หนูมีความสุขที่สุดเลยนะคะ\"
          
          อีฟยิ้ม เธอเชื่อมั่นว่าความสุขจากการให้นั้น มากมายมหาศาลกว่ายิ่งกว่าการได้รับเสียอีก และตอนนี้อีฟก็รู้แล้วว่ามันเป็นจริง เปาโลได้ยินอีฟพูดเช่นนี้เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย แม้อีฟจะมองไม่เห็นก็ตามที

              \"ฉันล่ะยอมแพ้ความพยายามของหนูจริงๆ เอาเถอะ ถ้าพรุ่งนี้เธอจะเอาของขวัญไปให้เด็กๆในหมู่บ้านจริงๆฉันจะช่วยเธอเอง\"

              \"ขอบคุณมากค่ะลุงเปาโล หนูไปก่อนนะคะ\"

          อีฟกล่าวลา แล้วก็กลับออกไป เปาโลยืนมองห่อของขวัญผูกริบบิ้นสวยงามในมือ ก่อนจะค่อยๆแกะมันออกอย่างบรรจงจนมองเห็นของที่อยู่ภายในกล่องน้อยๆใบนั้น ตุ๊กตารูปซานต้าครอสสีสันประหลาด พร้อมกับการ์ดที่เขียนว่า \"แด่ลุงเปาโล จากอีฟ\"....


          มีคำกล่าวที่ว่า\"เคราะห์ร้าย มักมาเยือนในยามที่ไม่มีใครต้องการ\" ประโยคนี้จะเป็นจริงหรือไม่คงไม่อาจรู้ได้แน่ชัด แต่สำหรับในกรณีของอีฟแล้ว คงสามารถยกเอาคำพูดนี้มาใช้ได้ หลังจากอีฟแอบกลับมาบ้านโดยที่ป้าเรย์ไม่รู้ เมื่อเธอหลับไปอย่างอ่อนล้าได้ไม่กี่ชั่วโมง อีฟก็เริ่มปวดหัวพร้อมกับหอบไอออกมาไม่หยุด ใช่แล้ว เธอล้มป่วย เนื่องเพราะนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ทั้งยังฝ่าหิมะที่หนาวเย็นออกไปทำตุ๊กตาทุกคืน ป้าเรย์ตกใจกลับอาการป่วยหนักของอีฟ จนต้องเรียกหมอมาดูอาการที่บ้าน

              \"อุณหภูมิในตัวขึ้นสูงมาก คงจะเป็นไข้หวัดใหญ่แน่ๆ\"

          หมอบอกก่อนจะจัดตัวยาให้ป้าเรย์ต้ม หลังจากอีฟได้ดื่มเข้าไปแล้วเธอก็หลับไปแม้จะยังเพ้ออยู่เป็นระยะ  เอล วินด์ คาเรนและคริสต์ทราบเรื่องนี้ในตอนบ่าย เมื่อมาที่บ้านเพื่อเยี่ยมอีฟ ทุกคนเสียใจมากที่อีฟต้องมาล้มป่วย

              \"เมื่อคืนฉันน่าจะช่วยเธอทำตุ๊กตานั่น อีฟจะได้ไม่ต้องล้มป่วยแบบนี้\"

          วินด์บ่น  เพื่อนๆทั้ง4ของอีฟรู้เรื่องที่อีฟออกมาแอบทำตุ๊กตากันหมดแล้ว   นั่นเพราะเอลได้ยินข่าวมานานแล้วว่าอีฟแวะไปถามเด็กๆในหมู่บ้านหลายคนเรื่องของขวัญอย่างตั้งอกตั้งใจ จึงรู้สึกสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่า เธอจะพยายามจะทำอะไรบ้างอย่างอยู่ กระทั่งได้ยินอีฟถามเรื่องของขวัญจากพวกตนอีกครั้ง  เอลจึงนัดแนะให้วินด์ คริสต์ และคาเรน ย้อนกลับมาดักรอหน้าบ้านอีฟในตอนค่ำ และได้เห็นเธอแอบออกไปยังบ้านร้างที่น่ากลัวหลังนั้น เมื่อเห็นอีฟอยู่กับชายหน้าตาอัปลักษณ์น่ากลัว เอลเกือบจะเผลอส่งเสียงร้องเสียแล้วขณะที่แอบอยู่ข้างหน้าต่าง หลังจากได้ซุ่มดูอยู่นาน พร้อมกับฟังการสนทนาของอีฟและชายแก่ที่อีฟเรียกว่าเปาโล พวกเขาจึงทราบเรื่องที่อีฟ ต้องการจะให้ของขวัญกับเด็กๆในหมู่บ้านทุกคน

              \"แบบนี้อีฟก็เอาของขวัญไปให้ไม่ได้แล้วสิ น่าสงสารเธอจัง\"

          คาเรนกล่าว คริสต์ที่นั่งเงียบมานานโพล่งขึ้นมาว่า

              \"งั้นก็เอาแบบนี้สิ! พวกเรา4คน มาช่วยกันแจกของขวัญแทนอีฟดีไหม\"

              \"จริงด้วย ถ้าเป็นพวกเราต้องทำได้แน่ๆ\"

          เอลเห็นด้วย ทั้ง4จึงพากันไปยังบ้านร้างหลังนั้น เพื่อเอาตุ๊กตาไปแจกแทนอีฟ ทว่า...

              \"บ้าน่า! ตุ๊กตาหายไปไหนหมด\"

          วินด์ร้องออกมาเมื่อเห็นภายในบ้าน อย่าว่าแต่ตุ๊กตากองโตที่อีฟทำไว้จะหายไปเลย แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้เก่าๆที่พวกเขาเห็นเมื่อคืนก็พลอยหายไปด้วย หายไปพร้อมกับชายแก่ผู้นั้น  เอลครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็กล่าวด้วยความตื่นตระหนกว่า

              \"แย่แล้ว ตาแก่เปาโลนั่นต้องเป็นพวกมิจฉาชีพแน่ๆ\"

          เอลคิด แม้จะไม่แน่ใจแต่ทุกคนก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ เป็นไปได้ว่าชายชราผู้นั้นจะเป็นพวกต้มตุ๋นที่แอบมาหลบซ่อนในหมู่บ้านนี้ ประจวบเหมาะกับได้เจออีฟเข้าโดยบังเอิญ จึงล่อลวงให้เธอทำตุ๊กตาเหล่านี้ เพื่อจะเอาไปขาย

              \"อย่าเพิ่งคิดในแง่ร้ายแบบนั้นสิ บางที...บางทีเขาอาจจะเอาตุ๊กตาไปแจกแทนอีฟก็ได้นะ\"

          คาเรนพูดเสียงอ้อมแอ้มไม่เต็มปากเพื่อปลอบใจตัวเอง เด็กๆทั้ง4รู้ว่ามันมีโอกาสน้อยมากที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะนี่ก็ยังไม่ค่ำเลย แม้เปาโลคิดจะเอาของขวัญไปแจกจริงๆ ก็ไม่น่าจะหายตัวไปตอนนี้ และที่สำคัญเขาน่าจะรออีฟมาช่วยแจกเสียก่อน  เพราะเธอต้องการเป็นคนเอาของขวัญไปให้ทุกคน

              \"อย่าเพิ่งด่วนสรุป! เปาโลอาจจะยังออกไปไม่ไกลก็ได้ เส้นทางลงเขาในหมู่บ้านเราคดเคี้ยววกวนมาก หมอนั้นหอบของไปเยอะแยะแบบนั้น ไปได้ไม่ไกลแน่\"

          คริสต์บอก ทั้งหมดจึงพากันแยกย้ายออกไป ตามหาตัวเปาโลและห่อของขวัญให้ทันคืนนี้ให้ได้...


          เวลาผ่านไปจวบจนตะวันลับขอบฟ้าและจันทราปรากฏแทน ทุกคนในหมู่บ้านพากันเฉลิมฉลองเทศกาลคริสมาสต์กันในครอบครัว เอล วินด์ คาเรน และ คริสต์ยังหาตัวเปาโลและตุ๊กตาไม่พบ แม้ทั้งหมดจะเสียใจมากที่ช่วยอะไรอีฟไม่ได้เลยแต่พวกเขาก็ต้องกลับไปบ้านเสียก่อนเพื่อไม่ให้พ่อแม่เป็นห่วง   อีฟได้สติขึ้นมาในตอนดึกและรู้ตัวว่าเธอเองป่วยหนักอยู่ เธอพยายามจะลุกจากเตียงให้ได้แม้แขนขาจะไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ไม่สำเร็จ น้ำตาเริ่มไหลรินออกจากดวงตาน้อยๆ เมื่อคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้มอบของขวัญให้กับทุกคนแล้ว  อีฟไม่เคยนึกเสียใจหรือสมเพชความอ่อนแอของตัวเองเท่าครั้งนี้เลย  แต่ทันใดนั้นเองภายในห้องนอนที่มืดมิด อีฟก็ได้ยินเสียงพูดที่คุ้นหูดังขึ้นมา

              \"ป่วยหนักเลยนี่เราน่ะ\"

          เขากล่าว อีฟเกือบจะร้องด้วยความดีใจเสียแล้ว ถ้าไม่นึกได้ว่า มันจะเป็นการเรียกป้าเรย์ที่ออกไปต้มยาเพื่อให้เธอดื่มอีกชุดอยู่

              \"คุณลุงเปาโล! คุณลุงเปาโลใช่มั้ยค่ะ?\"

              \"โฮะๆๆ อยากเรียกฉันแบบนั้นก็ได้อีฟ\"

              \"คุณลุงมาพอดีเลยค่ะ แค่กๆๆ ช่วยหนูเอาของขวัญไปแจกให้ทุกคนด้วยได้มั้ยค่ะ\"

              \"ร่างกายเธอเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะอยากออกไปมอบของขวัญให้ทุกคนอีกเหรอ?\"

              \"ค่ะ\"

              \"ตกลง งั้นเราไปกันเลย\"

          เปาโลบอก พร้อมกับอุ้มอีฟขึ้นมาอีฟรู้เคลิ้มๆเพราะพิษไข้ จนรู้สึกเหมือนกับว่าลุงเปาโลพาเธออกมาทางหน้าต่าง แล้ววางเธอลงบนเทียมเกวียนอะไรสักอย่าง โดยมีถุงขนาดใหญ่วางเรียงรายเอาไว้รอบตัวอีฟ สักพักอีฟก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยสูงขึ้นไป พร้อมๆกับมีแสงสว่างส่องเข้ามาในดวงตาเธอ

              \"มองเห็นหรือยังอีฟ?\"    

          เปาโลถาม อีฟลืมตาที่หลับสนิทตลอด7ปีขึ้นมาดู และเธอก็ได้เห็นบางสิ่งนอกเหนือไปจากความมืดเป็นครั้งแรก! เธอเห็นเปาโล เห็นชายร่างอ้วนท้วมมีหนวดเคราสีขาวสวยงาม สวมใส่ชุดสีแดงสวมหมวกทรงแหลมสีแดงกำลังควบสัตว์บางอย่างที่มีเขาระเกะระกะเหมือนกิ่งไม้อยู่!  และที่สำคัญพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือเมืองสโนว์บริดอยู่ ลอยสูงจนมองเห็นกลุ่มเมฆล่องลอยอยู่รอบตัว

              \"นะ...หนูมองเห็น หนูมองเห็นแล้วค่ะลุงเปาโล!\"

          อีฟกล่าวด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ เธอก้มลงมองดูมือตัวเอง และแขนขา ก่อนเงยหน้าขึ้นมองดูเปาโลอีกครั้ง แล้วเธอก็นึกบางอย่างออก

              \"คุณลุงเปาโลคือซานต้าครอส! ซานต้าครอสจริงๆด้วย\"

          อีฟบอก แม้จะไม่เคยมองเห็น แต่เธอก็เคยนึกจินตนาการภาพซานต้าครอสจากคำบอกเล่าเอาไว้ในใจเสมอ ถึงสีสันที่เธอคิดจะไม่เป็นเช่นนี้ แต่รูปร่างและพาหนะที่เปาโลใช้อยู่ก็บอกได้ดีอยู่แล้ว ว่าเขาเป็นซานต้าครอส

              \"ใช่แล้วอีฟ ฉันได้กลับมาเป็นซานต้าครอสอีกครั้งก็เพราะเธอ ขอบใจมากน่ะอีฟ\"

          เปาโลหรือซานต้าครอสบอก ก่อนจะเล่าถึงสาเหตุที่เขาไม่ได้แจกของขวัญให้แก่เด็กๆมานานหลายร้อยปี

              \"ฉันให้ของขวัญแก่เด็กๆ อยู่ทุกปีจนกระทั่งสูญเสียความรู้สึกยินดีของการได้รับของขวัญไป  ซานต้าครอสน่ะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากคำอธิษฐานและความสุขจากการให้และการรับ หากลืมเลือนความปีติยินดีจากการให้หรือรับไป ก็จะสูญเสียพลังในการทำให้คำอธิษฐานของเด็กๆเป็นจริงและกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาที่จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ซึ่งมันจะเป็นเช่นนี้ทุกๆรอบพันปี   จนกว่าจะมีใครมอบความรู้สึกยินดีในการให้หรือรับแก่ฉันอีกครั้ง ฉันถึงจะกลับมาเป็นซานต้าครอสได้ แต่มันมีข้อแม้ที่ยุ่งยากว่าคนที่มอบความรู้สึกเหล่านั้นให้กับฉัน จะต้องมองไม่เห็นฉัน เหมือนที่ฉันมอบความสุขให้เด็กๆโดยที่พวกเขามองไม่เห็นตัว ฉันร่อนเร่พเนจรไปทั่วโลกมาเนิ่นนานนับร้อยปี ก็ยังไม่มีใครให้ความรู้สึกปีติเหล่านี้โดยที่ไม่เห็นฉันได้ จนในที่สุดก็ได้มาเจอเธอนี่แหละอีฟ เด็กน้อยที่มองไม่เห็นตัวฉัน แต่ยังเชื่อในตัวฉัน และสอนให้ฉันระลึกถึงความรู้สึกดีๆจากการให้และรับอีกครั้ง ขอบใจเธอมากจริงๆน่ะ อีฟ\"

          ซานต้าครอสบอก ก่อนจะควบกวางเรนเดียร์ บินไปยังบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านสโนว์บริดด้วยพลังของซานต้าครอสอีฟและซานต้าฯสามารถผ่านเข้าวางของขวัญไว้ในบ้านของทุกคนในหมู่บ้านได้อย่างรวดเร็วราวกับเวลาทั่วโลกไหลเวียนช้าลง  ใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวซานต้าครอสและอีฟก็มอบของขวัญและตุ๊กตาที่อีฟสร้างให้แก่เด็กๆในหมู่บ้านได้ครบ รวมทั้งของขวัญสำหรับเอล วินด์ คาเรน และคริสต์ที่เพิ่งกลับมา นอนหลับที่บ้านด้วยความอ่อนเพลียด้วย  ซานต้าครอสพาอีฟกลับมาที่บ้านและขอบใจอีกครั้งที่ช่วยงานเขา

              \"ทำไมหนูถึงมองเห็นเหรอคะ?\"
                                      
              \"โฮะๆๆ เพราะเธอให้ของขวัญฉันเป็นคนแรกไงล่ะอีฟ ฉันจึงขอมอบของขวัญให้เธอก่อนคนอื่นบ้าง\"

          ซานต้าครอสกล่าวพร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะบอกกับอีฟว่าปีหน้าเจอกันใหม่ แล้วควบกวางเรนเดียร์ไปแจกของขวัญให้แก่เด็กๆทั่วโลกอีกครั้ง หลังจากหยุดมานานหลายร้อยปี..

          รุ่งเช้าวันถัดมา ทุกท่านคงพอจะเดาออกว่าป้าเรย์จะตกใจและยินดีแค่ไหนที่พบว่าอีฟมองเห็นได้! แต่ก็คงไม่เท่ากับวินด์และครอบครัวที่ลำบากกว่าเด็กคนอื่นๆ เนื่องเพราะสิ่งที่วินด์อยากได้คือเครื่องบิน เขาจึงต้องลำบากน่าดูกับการเคลื่อนย้ายเอาเครื่องบินขนาดยักษ์หน้าบ้านไปไว้ในทุ่งกว้าง คาเรนได้รับรองเท้าเต้นรำคู่ใหม่ที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโบยบินได้ขณะร่ายรำเลยทีเดียว เอลเองก็มีความสุขกับตุ๊กตารูปแมวที่อีฟให้เช่นกัน เพียงแค่รู้สึกว่ามันจะพูดมากไปหน่อยเท่านั้นเอง!  ปาฏิหาริย์ที่เด็กๆชาวเมืองสโนว์บริดได้พานพบ กลายเป็นเรื่องเล่าขานไปชั่วกาลนาน มิใช่เพราะคำอธิฐานหรือความอัศจรรย์ในของขวัญที่ทุกคนได้รับ แต่เป็นเพราะจิตใจที่งดงามของเด็กหญิงตัวน้อยๆที่ชื่อว่าอีฟ ได้สอนให้พวกเขารู้ว่า ความสุขที่ได้จากการให้และรับจะคงอยู่สืบไปไม่จบสิ้นทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ตราบชั่วกาลนาน..    


                         The End.

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×